เป็นสิวยังไม่หนักใจเท่ารอยสิวที่ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า รักษายากเย็นเสียเหลือเกิน ทำอย่างไรก็ไม่หายไปสักทีทำให้เสียความมั่นใจอยู่เรื่อยไป แต่วันนี้ปัญหาทุกอย่างจะหมดไปด้วยนวัตกรรมการรักษาด้วย V-Beam Laser ที่ใช้ในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเส้นเลือด ช่วยให้รอยแดงจากสิวจางหายไป หลุมสิว แผลเป็นจากสิวดูตื้นขึ้นหมดกังวลทุกปัญหาแผลจากรอยสิว
เนื้อหา
- หลักการทำงานของ V-Beam Laser เลเซอร์หน้าใสรักษารอยสิว
- ขั้นตอนการรักษารอยสิว ด้วย V-Beam Laser เลเซอร์หน้าใสรักษารอยสิว
- ข้อดีของ V-Beam Laser เลเซอร์หน้าใสรักษารอยสิว
- วิธีเตรียมตัวก่อน-หลังการรักษา ด้วย V-Beam Laser เลเซอร์หน้าใสรักษารอยสิว
- ความเสี่ยงจากการรักษา V-Beam Laser เลเซอร์หน้าใสรักษารอยสิว
- ค่าใช้จ่ายโดยประมาณในการรักษา V-Beam Laser เลเซอร์หน้าใสรักษารอยสิว
- คำถามที่พบบ่อย
หลักการทำงานของ V-Beam Laser เลเซอร์หน้าใสรักษารอยสิว
V-Beam Laser คือเลเซอร์ชนิด Pulsed Dye Laser มีความยาวคลื่นแสงที่ 595 นาโนเมตร โดยเลเซอร์จะส่งผ่านแสงเพื่อเข้าไปทำลายเส้นเลือดบริเวณฐานของสิว สามารถลดรอยแดงได้ และแสงยังสามารถส่งเข้าไปยังชั้นผิวชั้นในเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย วีบีมมีระบบความเย็นเพื่อป้องกันผิวชั้นบนก่อนเลเซอร์ตะลงเข้ามาสู่ชั้นใน ทำให้การรักษานั้นปราศจากความเจ็บปวด
ขั้นตอนการรักษารอยสิว ด้วย V-Beam Laser เลเซอร์หน้าใสรักษารอยสิว
- แพทย์จะทำความสะอาดผิวหนังก่อนการรักษา
- ใช้เครื่องเลเซอร์ V-Beam ฉายลงไปยังตำแหน่งที่เป็นรอยแดง
- ไอเย็นจะพ่นออกมาทำให้ไม่รู้สึกเจ็บะหว่างรักษา
ข้อดีของ V-Beam Laser เลเซอร์หน้าใสรักษารอยสิว
- ใช้ระยะเวลาในการรักษาเพียงสั้นๆ
- รอยแดงจากสิวดีขึ้นถึง 80 %
- มีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาและฟื้นฟูผิว
วิธีเตรียมตัวก่อน-หลังการรักษา ด้วย V-Beam Laser เลเซอร์หน้าใสรักษารอยสิว
ก่อนการรักษา ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด งดการอาบแดดเป็นเวลา 14 วัน
หลังการรักษา ควรทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป เพื่อป้องกันอันตรายจากการทำลายผิวของแสงแดด
ความเสี่ยงจากการรักษา V-Beam Laser เลเซอร์หน้าใสรักษารอยสิว
เป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิวหนัง ให้ผลการรักษาที่ครอบคลุมทุกปัญหาผิวโดยไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณในการรักษา V-Beam Laser เลเซอร์หน้าใสรักษารอยสิว
500-10,000 บาท
คำถามที่พบบ่อย
- สามารถทำได้บริเวณใดบ้าง
สามารถทำได้ทั่วทุกบริเวณของร่างกาย
- ต้องเข้ารับการรักษากี่ครั้ง
จำนวนการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาผิว แต่หลังการรักษาครั้งที่ 4-5 จะเห็นว่าผิวดีขึ้น รอยแดงจางลงอย่างเห็นได้ชัด
- จะรู้สึกอย่างไรระหว่างการรักษา
ระหว่างการรักษาจะไม่รู้สึกเจ็บหรือเจ็บเล็กน้อย เพราะจะมีไอเย็นพ่นออกมาทำให้ไม่รู้สึกว่าเจ็บมาก
- จะเกิดแผลเป็นหลังการรักษาหรือไม่
การรักษาจะไม่มีรอยแผลใดๆเกิดขึ้น รอยแดงที่เกิดจะเข้มขึ้นแล้วค่อยๆจางลง
ปัญหาสิว รอยสิว ผิวไม่เรียบเนียน ในปัจจุบันก็ได้มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตรงนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คนที่มีปัญหาคลายกังวลตรงนี้ไปได้อย่างดีแต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการดูแลตัวเอง ป้องกันไม่ให้เกิดสิว ลดความเครียด ความวิตกกังวล สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ เพียงเท่านี้เราก็จะได้ผิวที่สวยใส เรียบเนียนได้อย่างไร้กังวลแถมสุขภาพดีอีกต่างหาก
อ้างอิง
bumrungrad
theklinique
yanhee