ผู้หญิงหรือแม้แต่ผู้ชายบางคนอาจมีปัญหารแก้มป่องหรือมีเนื้อแก้มเยอะ ไม่ว่าจะออกกำลังกายหนักเท่าไหร่หรือยอมอดอาหารแล้ว แก้มป่องๆนั้นก็ยังไม่ยอมหายไป หลายคนจึงหันมาพึ่งวิธีการเสริมความงามทางการแพทย์ที่มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากและเห็นผลลัพธ์ไวมาก ซึ่งวิธีที่ว่านี้ก็คือการทำ Face Filaano หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อของการฉีดแฟต LLD Fat นั่นเอง เป็นการฉีดเพื่อสลายไขมันที่สะสมอยู่บริเวณแก้มของเรา เมื่อฉีดแล้วไขมันที่สะสมอยู่ภายใต้ผิวหนังบริเวณแก้มของเราก็จะหายไป เมื่อแก้มยุบลงแล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็คือใบหน้าที่เรียวสวยเป็นรูปตัววีชัดเจนนั่นเอง
Face Filaano การฉีดแฟต LLD Fat การฉีดสลายไขมัน
Face Filaano หรือการฉีดแฟตLLD Fat เป็นการฉีดตัวยาเข้าไปในบริเวณผิวหนังเพื่อทำการสลายไขมันในบริเวณที่ฉีดลงไปนั่นเอง ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือไขมันที่เคยสะสมอยู่ในบริเวณที่ฉีดนั้นจะแตกตัวออกเป็นของเหลว และจะถูกขับออกมาทางการปัสสาวะหรือการอุจจาระของเรา
การฉีดแฟต LLD Fat ได้รับรองความปลอดภัยจาก FDA เราจึงมั่นใจได้เลยว่าการฉีดแฟตนี้ปลอดภัยอย่างแน่นอน อีกทั้งตัวยาที่ฉีดยังมีการกระจายตัวและออกฤทธิ์ได้ดีมาก และผลลัพธ์ที่ได้ก็จะอยู่ค่อนข้างนานมาก และที่สำคัญเมื่อฉีดแล้วจะไม่มีเกิดอาการผลข้างเคียงอย่างอาการบวมหรือเกิดเป็นไขมันก้อนแข็งๆใต้บริเวณผิวหนังที่ฉีดอย่างแน่นอน
ส่วนใหญ่แล้วคนมักจะฉีดแฟต LLD Fat ที่บริเวณแก้มมากกว่าบริเวณอื่นๆของร่างกายที่มีไขมันสะสมอยู่อย่างบริเวณเหนียง คอ คาง หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และน่อง ที่คนเลือกฉีดที่แก้มเป็นส่วนใหญ่อาจเพราะเมื่อฉีดแล้วนอกจากไขมันจะหายไปแก้มจึงยุบลง ทำให้เรามีใบหน้าที่ดูเรียวขึ้นด้วยนั่นเอง จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงเริ่มหันมาสนใจการฉีดแฟตเพื่อทำหน้าเรียวกันมากขึ้น
ในการฉีดแฟต LLD Fat นั้นจะใช้ตัวยาที่ออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นสมบูรณ์และตรงกับความต้องการของคนไข้มากที่สุด โดยตัวยาสำคัญที่ใช้ในการฉีดก็จะมีดังนี้
- Artichoke Extract เป็นตัวยาที่เข้าไปกระตุ้นตับให้ทำการสร้างน้ำดีและเพิ่มการไหลน้ำดีไปยังถุงน้ำดี ช่วยในการขับสารพิษ การระบายของเสียในร่างกายออก และการสลายไกลโคเจนในตับ
- L-carnitine เป็นตัวยาที่ช่วยเร่งและกระตุ้นการเผาผลาญของไขมัน โดยช่วยลำเลียงกรดไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดียและเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงานมากขึ้นนั่นเอง
- Theophylline เป็นตัวยาที่ช่วยในการกีดกันตัวของ Receptor ของเยื่อหุ้มเซลล์ไขมัน ซึ่งส่งผลให้มีการเพิ่มการย่อยสลายไตรกลีเซอไรด์ในกลีเซอรอลและกรดไขมันมากขึ้น
- Organic silicon เป็นตัวยาที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ Fibroblast เพื่อให้มีการผลิตคอลลาเจนใหม่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
ขั้นตอนการฉีดแฟต LLD Fat
ในขั้นตอนการปรึกษาและพบแพทย์นั้น ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจเช็คสภาพผิวหนังใบหน้าของเราก่อน เพื่อวางแผนไว้ว่าควรจะฉีดตรงไหนและใช้ปริมาณยาเท่าไหร่ในการฉีด นอกจากนี้ก็อาจมีการถามและเช็คประวัติสุขภาพทั่วไป เพื่อให้ทราบถึงอาการแพ้ยาต่างๆด้วย
ในขั้นตอนการฉีดแฟต LLD Fat จะใช้เวลาในการฉีดประมาณ 15-20 นาที โดยแพทย์จะใช้ปริมาณยาประมาณ 3 มิลลิลิตรสำหรับการฉีดบนใบหน้า โดยปริมาณจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีดและไขมันที่สะสมอยู่ภายในบริเวณนั้นๆด้วยนั่นเอง การฉีดแฟตนี้อาจต้องฉีดอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนการฉีด 5 ครั้งต่อการรักษา โดยต้องเข้ารับการฉีดแฟตทุกอาทิตย์เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
หลังจากฉีดแฟตเสร็จแล้ว เราอาจจะต้องรอดูผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดภายในเวลา 15-30 วัน และการฉีดอาจไม่ต้องฉีดถึง 5 ครั้ง หากเห็นผลในการฉีดครั้งที่สองหรือสาม โดยการแสดงผลนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังและการมีไขมันสะสมของแต่ละคนด้วยนั่นเอง
วิธีการเตรียมตัวและการดูแลตัวเองหลังการฉีดแฟต LLD Fat
ก่อนจะเข้ารับการฉีดแฟต LLD Fat นั้นเราควรที่จะต้องศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดแฟตตัวนี้ให้ดีก่อนจะตัดสินใจฉีดจริงๆ เนื่องจากการฉีดแฟตนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่และอาจเกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน เราจึงควรที่จะต้องมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการฉีดแฟตก่อน เพื่อให้เรามีความมั่นใจก่อนจะตัดสินใจนั่นเอง
ส่วนวิธีการดูแลตัวเองหลังรับการฉีดแฟต LLD Fat ก็มีดังนี้
- หลังเข้ารับการฉีดแฟตแล้ว ควรทำการเคลื่อนไหวบริเวณที่ฉีดทุกๆเวลา 15 นาที ต่อเนื่องนานถึง 1 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยาที่ฉีดเข้าไปนั้นกระจายตัวได้ดีขึ้นนั่นเอง
- หลีกเลี่ยงการทานหรือใช้ยาและการทานอาหารเสริมที่มีฤทธิ์ต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างเช่น อาหารที่มีวิตามินอี และใบแปะก๊วย เป็นต้น
- งดการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- พบแพทย์ตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง
ค่าใช้จ่ายในการฉีดแฟต LLD Fat
ค่าใช้จ่ายในการฉีดแฟต LLD Fat นั้นอาจคล้ายกับการฉีดโบท็อกซ์ที่เราต้องซื้อตัวยาเป็นขวดและทำการฉีดภายใต้การดูแลของแพทย์ ราคาของตัวยาที่ใช้ในการฉีดแฟตจึงอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 6,000 โดยขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งในการฉีดของเราด้วย หากต้องฉีดเยอะก็อาจจะต้องใช้มากกว่า 1 ขวดนั่นเอง