ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างนั้น เราควรคิดและใตร่ตรองให้ดีก่อนจะตัดสินใจ เช่นเดียวกันกับการตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ เราควรที่จะต้องรู้ก่อนว่าการฉีดโบท็อกซ์นั้นมีวิธีการอย่างไรและมีผลลัพธ์อย่างไร นอกจากนี้ก็ยังมีข้อควรรู้ที่เราควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกซ์อีกด้วย จะมีอะไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลย
- ฉีดโบท็อกซ์เพื่ออะไร
ก่อนจะฉีดโบท็อกซ์ เราควรรู้ไว้ก่อนว่าการฉีดโบท็อกซ์นั้นมีประโยชน์อะไรบ้างและตรงกับความต้องการของเราหรือเปล่า ฉีดเพื่ออะไร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนเรามักจะฉีดโบท็อกซ์กันก็เพราะว่า โบท็อกซ์นั้นสามารถช่วยทำให้หน้าเรียว ลดกราม ช่วยทำให้หน้าดูเด็กลง ริ้วรอยต่างๆ รวมถึงรอยตีนกาก็ทำให้ดูตื้นขึ้นได้ คนส่วนใหญ่จึงสนใจที่จะฉีดโบท็อกซ์เพราะอยากมีหน้าเรียวและอ่อนเยาว์นั่นเอง
- ฉีดโบท็อกซ์แบบไหนถึงจะปลอดภัย
ในความเป็นจริงนั้นในปัจจุบันมีโบท็อกซ์ที่ใช้กันอยู่หลายแบบหลายชนิด และชนิดของโบท็อกซ์ที่ผ่าน อย. แล้วก็คือ Botulinum toxin type A ซึ่งปัจจุบันก็มีนำเข้าทั้งจากเกาหลีและอเมริกาเป็นหลัก แต่ทั้งนี้นั้นสารโบท็อกซ์จากเกาหลีจะได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากมีราคาถูกกว่าของอเมริกา แต่ของอเมริกาก็ไม่ได้แย่ มีคุณภาพและประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีกว่าของเกาหลีด้วยซ้ำ เพราะเป็นต้นแบบในการผลิตเป็นเจ้าแรก และผลลัพธ์ยังสามารถอยู่ได้นานกว่าอีกด้วย
- สุขภาพร่างกายต้องแข็งแรง
สุขภาพที่แข็งแรงในที่นี้ก็คือ ไม่เจ็บไม่ป่วย ต้องเป็นคนที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ได้กินยาเป็นประจำ และไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่ ซึ่งหากใครที่มีปัญหาเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์ไปเสียดีกว่า เพราะมันไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวเราเองเลย
- ต้องปรึกษาแพทย์และรับการฉีดด้วยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ทั้งคนที่ไม่เคยฉีดโบท็อกซ์หรือแม้แต่คนที่เคยฉีดแล้ว ควรที่จะปรึกษาแพทย์และขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เพราะเดี๋ยวนี้มีหมอกระเป๋าหรือหมอเถื่อนค่อนข้างเยอะ เราจึงควรศึกษาประวัติแพทย์และรู้จักเลือกให้ดีก่อนตัดสินใจ
- ต้องเตรียมตัวให้ดีก่อนฉีดโบท็อกซ์
ก่อนฉีดโบท็อกซ์หรือจะตัดสินใจ เราควรที่จะต้องเตรียมตัวให้ดีก่อน การเตรียมตัวที่ว่านี้ก็คือ การหยุดใช้ยากลุ่มที่มีกรดวิตามิน A, AHA และยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Motrin, Naproxen, Brufen เป็นเวลา 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ควรงดแอลกอฮอล์ งดการสครับหน้าและขัดหน้า เป็นเวลา 2-3 วันก่อนการฉีดโบท็อกซ์ ทั้งนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยง ลดรอยฟกช้ำ และลดผลข้างเคียงที่จะตามมานั่นเอง
- อย่าฉีดโบท็อกซ์ช่วงหัวค่ำ
สาเหตุที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ตอนหัวค่ำก็เพราะว่าหลังฉีดภายใน 4-5 ชั่วโมงแรก คุณจะต้องพยายามอย่าให้มีแรงกดใด ๆ บนหน้าของคุณ เพราะไม่อย่างนั้นตัวยาอาจจะกระจายไปยังจุดอื่นๆ ได้ ดังนั้นจึงไม่ควรฉีดช่วงหัวค่ำ เพราะถ้าคุณเผลอนอนหลับไปหลังจากฉีดโบท็อกซ์มาใหม่ๆ ก็อาจส่งผลไม่ดีต่อใบหน้าของเราได้นั่นเอง
- หลังฉีดโบท็อกซ์เสร็จ ควรเคี้ยวหมากฝรั่ง
หลังฉีดโบท็อกซ์เสร็จใหม่ๆ ควรจะมีการขยับกล้ามเนื้อเพื่อให้สารโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปกระจายตัว ซึ่งวิธีที่ดีและไม่ยุ่งยากก็คือการเคี้ยวหมากฝรั่งนั่นเอง ดังนั้นหากเราจะฉีดโบท็อกซ์การเตรียมหมากฝรั่งสำหรับเอาไว้เคี้ยวก็เป็นเรื่องที่ควรทำ โดยให้เคี้ยวต่อเนื่องเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมงเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
- หลังฉีดโบท็อกซ์ ห้ามทำเลเซอร์บนบริเวณหน้า
หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่า หลังฉีดโบท็อกซ์ประมาณ 2-3 สัปดาห์แรก ห้ามไปทำเลเซอร์หน้าเด็ดขาดเพราะว่า พลังงานจากเลเซอร์จะไปสลายโบท็อกซ์ทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น นั่นก็หมายความว่าหน้าของเราจะกลับสู่สภาพเดิมเร็วขึ้นนั่นเอง
- โบท็อกซ์ไม่คงอยู่ถาวร
หลังฉีดโบท็อกซ์ตัวยาจะออกฤทธิ์เต็มที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์แรก และฉีดครั้งหนึ่งจะอยู่ได้นานประมาณ 4-5 เดือน เมื่อตัวยาหมดฤทธิ์แล้วหน้าของเราก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมนั่นเอง ดังนั้นหากเราต้องการให้ผลลัพธ์อยู่กับเราไปนานๆเราก็ควรฉีดโบท็อกซ์อย่างต่อเนื่องทุกๆ 4-5 เดือน
- ทำใจยอมรับความเสี่ยง
ไม่ว่าจะทำอะไร แน่นอนว่าทุกอย่างต้องมีความเสี่ยงอยู่แล้ว การฉีดโบท็อกซ์ก็เช่นเดียวกัน เราอาจประสบกับหรือมีอาการจากผลข้างเคียงก็ได้ ดังนั้นการศึกษาและหาความรู้เกี่ยวกับผลข้างเคียงจากโบท็อกซ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ
แหล่งที่มาของบทความ
kapook