เมื่ออายุมากขึ้นแน่นอนว่าใบหน้าของเราก็ต้องดูแก่ลงเช่นกัน โดยสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าของเราดูแก่ลงนั้นก็มาจากริ้วรอยต่างๆที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเรา ทั้งรอยตีนกา รอยย่นบนหน้าผาก ร่องหมากบนแก้ม และอื่นๆอีกมากมาย หลายคนจึงหันมาพึ่งการฉีดโบท็อกซ์ เพราะการฉีดโบท็อกซ์นั้นเป็นวิธีกำจัดริ้วรอยที่ง่ายและไม่ยุ่งยาก การฉีดโบท็อกซ์จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆเหมือนในปัจจุบันนั่นเอง
หากเราสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเมื่อเราอายุยังน้อย พื้นผิวรอบดวงตาจะยังกระชับและเต่งตึง กล้ามเนื้อต่างๆ ยังไม่ดึงรั้ง ส่งผลให้ดวงตายังกลมโตดูสดใส จนกระทั่งเราอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อจะดึงรั้งให้หางตาค่อยๆ ตกลง ดวงตาเริ่มดูไม่สดใส แถมบางคนยังมีปัญหาถุงใต้ตามาเยือน ก็ยิ่งทำให้ดูแก่ลงไปอีก
ริ้วรอยรอบดวงตา ทั้งรอยตีนกาหรือแม้แต่ถุงใต้ตาล้วน เป็นอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งเมื่อเรามีอายุมากขึ้น การฉีดโบท็อกซ์หางตา ถือเป็นวิธีการรักษาริ้วรอย บริเวณ รอบดวงตา ที่เป็นริ้วเล็กๆ รวมถึงรอยตีนกา โดยการฉีดโบท็อกซ์หางตา จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเกิดการคลายตัวชั่วคราว ทำให้ริ้วรอยจางลงอย่างชัดเจน ซึ่งจะเห็นผลภายใน 5-7 วันหลังทำ
ในช่วงแรกของการศึกษาทางการแพทย์ได้นำ โบท็อกซ์ มาฉีดรักษาโรคตาเหล่ ตาเข แต่กลับพบว่าริ้วรอยบริเวณใบหน้าและรอบดวงตาดีขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงนำโบท็อกซ์มาใช้ด้านความงามมากขึ้น โดยฉีดเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อมัดนั้นๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อมีการผ่อนคลาย แต่ไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อตายอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจผิด แม้กล้ามเนื้อจะผ่อนคลายลง แต่เราก็ยังสามารถยิ้มและแสดงอารมณ์ทางใบหน้าได้ตามปกติ การฉีดโบท็อกซ์หางตา จะให้ผลชัดเจนในการรักษาริ้วรอยที่เกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงสีหน้า ช่วยให้ผิวตึงกระชับได้ โดยเฉพาะ ริ้วรอยใต้ตาที่เป็นริ้วเล็กๆ รวมถึงถุงใต้ตา และรอยตีนกาด้วยนั่นเอง
แต่ก่อนจะตัดสินใจทำอะไร เราก็ควรที่จะต้องศึกษาสิ่งเหล่านั้นให้เข้าใจวิธีการของมันก่อนจะตัดสินใจจริงๆ เหมือนกับการฉีดโบท็อกซ์ที่เราต้องรู้ไว้ก่อนว่ามันวิธีการทำอย่างไร และปลอดภัยไหม เพื่อให้เราปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แหล่งที่มาของบทความ
vsquareconsult
