IPL คือแสงที่มีช่วงคลื่นกว้าง มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 420 – 1,200 นาโนเมตร สามารถใช้รักษาปัญหาผิวพรรณได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง รอนแดง รูขุมขนกว้าง สิว ฝ้า กระ ต่างๆ ซึ่งปัญหาผิวแต่ละอย่างนั้นต้องใช้ความยาวคลื่นที่ไม่เท่ากัน ซึ่ง IPL มีความยาวคลื่นที่กว้างกว่าสามารถกำจัดได้ทุกปัญหาผิวพรรณได้มากกว่า แล้วมันต่างจากเลเซอร์อย่างไรล่ะ ได้ผลดีกว่าเลเซอร์อย่างไร เราจะพาไปดูรายละเอียดกันให้มากขึ้น
ความแตกต่างระหว่าง IPL และ Laser
จากรูปจะเห็นได้ว่า Laser คือการใช้คลื่นแสงความเข้มข้นสูงและช่วงคลื่นแคบกว่าในการรักษาเหมาะกับการใช้รักษาปัญหาเฉพาะจุด เช่นรักษาสิวอุดตันเฉพาะจุด รอยหลุมสิว ฝ้า กระ เฉพาะจุด การรักษาด้วยเลเซอร์ยังมีความรุนแรงต่อผิวอีกด้วยทำให้ขณะทำรู้สึกเจ็บมาก หลังทำเสร็จผิวหน้าจะบางลงหากไม่รักษาหรือดูแลอย่างต่อเนื่อง หน้าจะเกิดความหมองคล้ำ จึงต้องดูแลหน้าไปตลอด
แต่ IPL คือการรักษาโดยใช้ช่วงคลื่นกว้างกว่า กระจายพลังงานแสงได้ดีกว่าและไม่มีความเข้มมากจนเกินไปจนรุนแรงต่อผิว มีความอ่อนโยนต่อผิวมากกว่าและสามารถรักษาได้ครอบคลุมมากกว่าถึง 8 ปัญหาผิว ไม่เจ็บเท่าการทำด้วยเลเซอร์ไม่ต้องพักหน้านานแต่อาจต้อทำอย่างสม่ำเสมอจึงจะเห็นผล และผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายแทบจะไม่มีเลยเมื่อเทียบกับเลเซอร์
ถ้าหากเทียบกับราคาของทั้งสองอย่างแล้ว อัตราการทำของเลเซอร์จะถูกกว่าในการทำแต่ละครั้ง แต่ปัญหาจากผลข้างเคียงที่ตามมาของการทำเลเซอร์นั้นมีเยอะทำให้อาจต้องเสียเงินค่ารักษา ค่าแก้ไขมากกว่า และที่สำคัญต้องดูแลอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับการทำ IPL แล้ว การทำ IPL นั้นคุ้มค่ากว่ามากเพราะรักษาครอบคลุมกว่า เห็นผลได้ชัดเจน ทำได้อย่างต่อเนื่อง ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้ดีกว่า
การเลือกวิธีการรักษานั้น นอกจากจะต้องดูถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธี และเลือกวิธีที่เหมาะกับเราแล้ว ต้องเลือกความปลอดภัย โรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานเป็นอันดับแรก ทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น หากไม่ดูให้ดีบางที่อาจจะใช้เครื่องมือที่ไม่ได้มาตรฐานทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหน้าเรา มีปัญหาแย่กว่าเดิม เสียเงินเยอะกว่าเดิมด้วย ดังนั้นอย่าเห็นแก่ของถูก มักง่ายว่าทำที่ไหนก็เหมือนกัน เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและความสวยที่เพอร์เฟค ผิวสวยในแบบที่ต้องการ
อ้างอิง
