ริ้วรอยและจุดด่างดำคืออุปสรรคสำหรับผิวหน้าที่สวยใส การดูแลให้อาหารผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญ Electroporation คือนวัตกรรมใหม่ที่มีความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัย เป็นการส่งสารอาหารที่จำเป็นอย่าง คอลลาเจน วิตามินต่างๆเข้าสู่ผิวโดยการใช้กระแสไฟที่มีความต่างศักย์สูง ให้ผิวหนังเปิดรับสารอาหารแล้วซึมเข้าไป เพื่อให้ได้ผิวที่สดใส มีสุขภาพดี สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับนวัตกรรมนี้ เราจะพาไปรู้จักกันให้ดียิ่งขึ้นถึงหลักการและวิธีเตรียมตัวเพื่อให้มีผิวที่ดี
เนื้อหา
- หลักการทำงานของ Electroporation เพื่อผิวสวยสุขภาพดี
- ข้อดีและข้อเสียของการทำ Electroporation
- การเตรียมตัวก่อน-หลังทำ Electroporation
- ความเสี่ยงจากการรักษาผิวหน้าด้วย Electroporation
- ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของการรักษาด้วย Electroporation
- คำถามที่พบบ่อย
หลักการทำงานของ Electroporation เพื่อผิวสวยสุขภาพดี
Electroporation คือการนำสารอาหารผลักเข้าสู่เซลล์ผิวให้ยาบำรุงซึมผ่านเข้าผิวหนังโดยตรง หลักการทำงานของมันคือ จะใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความต่างศักย์สูงส่งผลให้โครงสร้างชั้นไขมันที่เนื้อเยื่อหุ้มเซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงชั่วขณะโดยเปิดช่องว่างชั่วคราว เมื่อผิวชั้นบนสุดเกิดการขยายจะทำให้เพิ่มการซึมผ่านของผิว สารอาหารและวิตามินต่างๆจึงลงลึกและดีกว่าการใช้มือทา ผลที่ได้พอๆกับการฉีดสารอาหารลงบนผิว การทำงานของ Electroporation นี้จะคล้ายๆกับหลักการของ ไอออนโตแต่ต่างกันคือ Electroporation จะสามารถส่งสารอาหารทั้งโมเลกุลเล็กและใหญ่ได้ดีกว่า
ข้อดีและข้อเสียของการทำ Electroporation
ข้อดี
- เป็นการเปิดผิวออกชั่วคราวเพื่อให้ตัวยาซึมลงสู่ใต้ผิวได้ลึกกว่า เห็นผลไวกว่าการทาครีมลงสู่ผิวโดยใช้มือ
- ไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนกับการฉีดสารอาหารลงสู่ผิว
- ช่วยดูแลปัญหาผิวพรรณหลายจุด เช่น จุดด่างดำ ปัญหาผิวแห้ง ริ้วรอยเล็ก
- เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้ออกซิเจนไปเลี้ยงผิวได้ดีขึ้น
- ผิวสุขภาพดี กระจ่างใสขึ้น
- ผลักสารโมเลกุลใหญ่เข้าสู่ผิวได้
ข้อด้อย
- การซึมของตัวสารอาหารวิตามิน อาจลงลึกไม่เท่ากับวิธีการฉีดวิตามินโดยตรง
การเตรียมตัวก่อน-หลังทำ Electroporation
ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวให้ยุ่งยาก สามารถเดินเข้ามาหาคุณหมอเพื่อปรึกษาได้เลย งดแต่งหน้าเพื่อตรวจสภาพผิวหน้าก่อน ถ้าผิวหน้าแข็งแรงอยู่แล้วก็ทำได้เลยทันที เพียงแค่ล้างหน้าให้สะอาดก่อนทำ ระหว่างทำจะรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อหดตัวยืดตัว ซึ่งจะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด ใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 30 นาที ควรทำ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และเพื่อให้การรักษาออกมาดีควรทำ 8-10 ครั้ง หรือตามสภาพผิวที่แพทย์ประเมินของแต่ละบุคคล
หลังการรักษา สามารถแต่งหน้าได้ปกติ ทาครีมกันแดด โลชั่นได้ และปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อที่ผลลัพธ์จะได้ออกมาดี มีผิวที่สวยเปล่งปลั่งอย่างที่เราต้องการ
ความเสี่ยงจากการรักษาผิวหน้าด้วย Electroporation
Electroporation เป็นการใช้กระแสไฟปล่อยออกมาเล็กน้อย เพื่อผลักวิตามินลงสู่ผิว จึงไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้าและไม่มีอาการเจ็บระหว่างทำ
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของการรักษาด้วย Electroporation
1,000-1,500 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการใช้ตัวอื่นร่วมด้วย
คำถามที่พบบ่อย
- วิธีรักษาด้วย Electroporation แตกต่างกับ Ionto อย่างไร
ประสิทธิภาพของ Electroporation ดีกว่า Ionto เพราะสามารถลงเข้าสู่ชั้นผิวได้ลึกกว่า สามารถผลักวิตามินที่มีโมเลกุลใหญ่เข้าสู่ผิวได้
- ระหว่างการทำจะมีอาการเจ็บหรือไม่
บางคนอาจรู้สึกกลัวเพราะการรักษาด้วยวิธีนี้จะใช้กระแสไฟ จึงมีความกังวลว่าจะมีอาการเจ็บหรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่มีอาการเจ็บอย่างแน่นอนเพราะกระแสไฟที่ใช้มีกำลังอ่อนมาก จึงไม่มีอันตรายกับผิวหน้า
- หลังการรักษาจะเกิดริ้วรอยอีกหรือไม่
การเกิดริ้วรอยอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและพฤติกรรมของแต่ละบุคคล ควรใช้ครีมทาผิวที่ช่วยลดริ้วรอยร่วมด้วยเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
- เมื่อรักษาด้วยวิธี Electroporation แล้วต้องรักษาตัวอื่นร่วมด้วยหรือไม่
ในการรักษาด้วยวิธี Electroporation จะไม่สามารถลดริ้วรอยที่ลึกมากๆได้ อาจจะต้องใช้การรักษาด้วยวิธีอื่นร่วม
- ต้องทำแค่ไหนจึงจะเห็นผล
ควรทำการรักษา 8-10 ครั้ง ใน 3 สัปดาห์แรกทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ สัปดาห์ต่อๆไปทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การรักษาด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์นั้นมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ทำให้ผิวของเราสวยใสได้อย่างทันใจ แม้จะมีราคาแพงแต่เพื่อความสวยๆใครๆก็ย่อมยอมจ่ายแต่สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปด้วยนั่นก็คือการดูแลตัวเองในด้านอาหารการกิน หมั่นออกกำลังกาย เพราะยาจากธรรมชาติก็มีประสิทธิภาพที่ดีไม่แพ้กันกับยาหมอเลย ใส่ใจควบคู่กันไปด้วยเพื่อสุขภาพที่ดีและผิวพรรณที่สดใส เท่านี้ก็สามารถสวยได้จากภายในสู่ภายนอกแล้ว
อ้างอิง
erk-erk
yanhee